5 แนวทางพื้นฐานความสำคัญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์
แม้เทคโนโลยีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กร แต่การขยายตัวของอุปกรณ์ การเพิ่มขึ้นของการใช้งานแอป และการเข้าถึงระบบผ่านเครือข่ายหลากหลายรูปแบบ ก็ทำให้ พื้นฐานด้าน Cybersecurity กลายเป็นหัวใจสำคัญที่ต้องทำให้ถูกต้องตั้งแต่ต้น
สำหรับทีม IT หลายองค์กร ปัญหาที่เกิดขึ้นจำนวนมากมาจาก “พฤติกรรมผู้ใช้” มากกว่าปัญหาจากระบบเอง ไม่ว่าจะเป็นการใช้รหัสผ่านไม่ปลอดภัย ไม่อัปเดตซอฟต์แวร์ หลงเชื่อ Phishing หรือเข้าถึงเครือข่ายโดยไม่ป้องกัน การสร้างความรู้พื้นฐานให้ผู้ใช้ในองค์กรจึงมีผลอย่างมากต่อความปลอดภัยโดยรวมของระบบ
บทความนี้สรุป 5 แนวทาง Cybersecurity พื้นฐาน ที่ผู้ใช้ทุกคนควรรู้และเป็นสิ่งที่ผู้ดูแล IT สามารถใช้เป็นแนวทางในการสื่อสารภายในองค์กรได้

1. อัปเดตระบบอย่างสม่ำเสมอ: ปิดช่องโหว่ก่อนถูกโจมตี
Patch Management คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดในการลดพื้นผิวการโจมตี (Attack Surface) แต่ผู้ใช้จำนวนมากมักเลื่อนการอัปเดต ทำให้เครื่องของพวกเขายังคงมีช่องโหว่ที่เป็นที่รู้กันอยู่แล้วในโลกไซเบอร์
ช่องโหว่จำนวนมากถูกใช้ในการโจมตีแบบ Automated เช่น Botnets, Ransomware และการสแกนพอร์ตโดยอัตโนมัติ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีมนุษย์มานั่งเลือกเหยื่อทีละราย
สำหรับฝ่าย IT:
การผลักดันให้อุปกรณ์ทั้งหมดเปิด Automatic Update หรือใช้ระบบ Patch Management ที่จัดการส่วนกลาง (เช่น Endpoint Central) ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่มีผลมากในการลดการโจมตี

2. การเชื่อมต่ออย่างปลอดภัย: ป้องกันภัยจากเครือข่ายที่ไม่ไว้วางใจ
ผู้ใช้มักเข้าถึงระบบผ่านเครือข่ายหลายรูปแบบ ทั้ง Wi-Fi ที่ทำงาน เครือข่ายสาธารณะ หรือ Hotspot ส่วนตัว ซึ่งบางครั้งไม่ได้มีการเข้ารหัสหรืออยู่ภายใต้ Zero Trust Network
การเข้าถึงระบบองค์กรผ่านเครือข่ายไม่ปลอดภัยเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกดักฟัง (Man-In-The-Middle Attack), การปลอมแปลง DNS หรือการขโมย Session Token
ทางออกที่ควรแนะนำ:
การใช้ VPN ที่มีการเข้ารหัส (Encryption) ที่เหมาะสม การจำกัดอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ (Device Trust) และการกำหนด Policy ที่บังคับใช้ได้จริง

3. Multi-Factor Authentication ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป
ในทุกการโจมตีบัญชีผู้ใช้ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มากกว่า 70% มาจาก Password Compromise ไม่ว่าจะจากการรั่วไหลในเว็บอื่น การเดา การใช้ Password ซ้ำ หรือ Malware
MFA – Multi-Factor Authentication คือวิธีการลดความเสี่ยงที่ได้ผลที่สุดในระดับผู้ใช้ทั่วไป โดยเพิ่มปัจจัยที่ “ผู้โจมตีไม่สามารถขโมยได้ง่าย” เช่น
OTP
Authentication App
Push Notification
Biometric
จากมุมมองของทีม IT การเปิด MFA สำหรับบัญชีสำคัญ เช่น อีเมลองค์กร ระบบภายใน หรือ VPN Access ควรเป็นข้อบังคับ (Mandatory)

4. Phishing คือจุดเริ่มต้นของหลายเหตุการณ์ความปลอดภัย
แม้จะมีเครื่องมือที่ดีแค่ไหน ภัยคุกคามที่มุ่งโจมตีมนุษย์ (Human-Layer Attack) อย่าง Phishing ก็ยังเป็นสาเหตุหลักของปัญหาความปลอดภัยในองค์กรจำนวนมาก ตั้งแต่ Credential Theft จนถึง Ransomware
ผู้ใช้ควรเข้าใจว่าการคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบเพียงครั้งเดียวอาจทำให้ทั้งเครือข่ายได้รับผลกระทบ ดังนั้นองค์กรควรมี
Awareness Training
Phishing Simulation
Email Security Policy
ในทางปฏิบัติ การให้ผู้ใช้ส่งต่ออีเมลที่น่าสงสัยให้ IT ตรวจสอบเป็นหนึ่งในกระบวนการที่ช่วยลดความเสี่ยงได้จริง

5. Password Hygiene สำคัญกว่าที่คนทั่วไปคิด
การใช้รหัสผ่านง่าย ๆ หรือซ้ำซ้อนในหลายบริการคือจุดอ่อนที่พบมากที่สุดในองค์กร
Password Manager ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือช่วยจำเท่านั้น แต่ช่วยสร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง (Strong Password) และลดการใช้รหัสเดิมซ้ำ ซึ่งเป็นต้นเหตุของ Account Takeover ในหลายกรณี
ทีม IT ควรส่งเสริมหลักการพื้นฐาน เช่น
ความยาวมากกว่า 12 ตัวอักษร
ไม่ใช้ข้อมูลส่วนตัว
ไม่บันทึกรหัสผ่านในโน้ตหรือเบราว์เซอร์ที่ไม่ได้เข้ารหัส
ใช้ Password Manager ที่เชื่อถือได้
สรุป: ความปลอดภัยเริ่มต้นจากพื้นฐานที่ถูกต้อง
แม้องค์กรจะมีระบบ Security ที่ซับซ้อนแค่ไหน แต่พฤติกรรมพื้นฐานของผู้ใช้ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดระดับความปลอดภัยโดยรวม การสร้างความรู้และปลูกฝังนิสัยที่ถูกต้อง ตั้งแต่การอัปเดตระบบ การใช้ MFA ไปจนถึงการหลีกเลี่ยง Phishing จะช่วยลดโอกาสเกิดเหตุการณ์ความปลอดภัยได้อย่างมหาศาล
สำหรับทีม IT การทำงานเชิงรุก (Proactive) ในการให้ความรู้ และเตรียมระบบสนับสนุนที่เหมาะสม คือกุญแจสำคัญสู่การยกระดับความปลอดภัยของทั้งองค์กร