Bitdefender คืออะไร ช่วยองค์กรคุณอย่างไร

Bitdefender คือ อะไร

Bitdefender คือ ผู้ผลิตโซลูชั่นด้าน Cybersecurity ระดับท้อปจากประเทศ Romania โดยช่วงแรก Bitdefender โฟกัสไปที่ software antivirus จนพัฒนาโซลูชั่นที่ครอบคลุมไปสู่ Endpoint Protection EDR(Endpoint Detection & Response)  และ XDR(Extended Detection & Response) ซึ่ง โซลูชั่นเหล่านี้ ตอบโจทย์การดูแลการคุกคามใน Enterprise ได้ครอบคลุมกว่าการตรวจจับไวรัสแบบพื้นฐาน

อีกหนึ่งจุดแข็งของ Bitdefender คือ Engine มีความสามารถในการตรวจจับมัลแวร์แบบ Real-time ผสานกับ Machine Learning ที่ทำให้สามารถตรวจจับความผิดปกติได้แม้ยังไม่มีรูปแบบที่แน่ชัด  และเพื่อเพิ่มความแม่นยำ Bitddefender ใช้ทั้ง Threat Intelligence จากทั้ง Engine ของตัวเองและ Global Feed ในการตรวจจับภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆอีกด้วย

นอกจากนี้ การที่ Bitdefender ตอบโจทย์ทั้ง Consumer Version ซึ่งจะถูกเรียกว่า Bitdefender Total Security และ Enterprise Version รวมถึงรองรับ Multi-OS ทั้ง Windows, macOS, Android และ iOS ทำให้ Bitdefender ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

ดังนั้น Bitdefender จึงไม่ได้เป็นแค่ Antivirus แต่เป็น Enterprise-grade Cyber Defense Stack ที่ช่วยดูแลความปลอดภัยขององค์กรได้อย่างครอบคลุม

ฟีเจอร์ของ Bitdefender มีอะไรบ้าง

Bitdefender คือ ไม่ได้มีดีแค่ Antivirus แต่ Bitdefender ยังมีฟีเจอร์ที่สามารถดูแลความปลอดภัยให้ผู้ใช้ทั้งในระดับ Enterprise และ ระดับ Consumer ได้ด้วยฟีเจอร์หลักๆเหล่านี้

  1. Antivirus + Anti-Malware : ไม่ใช่แค่การตรวจหาไวรัสแบบเดิมๆแต่เป็นการตรวจจับพฤติกรรมที่ไม่ปกติของ Endpoint ด้วยวิธีแบบ Signature และ Heuristic

  2. Anti-Phishing / Anti-Fraud : ปิดกั้น URL ที่มีความเสี่ยงจะเป็น Phishing Site หรือ Fake Banking Login เพื่อป้องกันการขโมยข้อมูล

  3. Ransomware Protection : เพื่อสร้างชั้นป้องกันข้อมูลที่สำคัญที่สุดในยุค Ransomware Bitdefender จึงใช้ Behaviour-based Ransomware Monitoring และ ระบบ File Restore เพื่อช่วยให้กู้คืนไฟล์ที่ถูก Encrypt

  4. Firewall Management : เพื่อลดโอกาสเสี่ยงการเกิด Lateral Movement Bitdefender จึงควบคุม Traffic ตาม Network-based Rules

  5. VPN Integration : ในบางแพคเกจ Bitdefender จะมี VPN แถมมาด้วยเพื่อลดความเสี่ยงในการถูกขโมยข้อมูลจากผู้ไม่หวังดีใน Wifi สาธารณะ

  6. Password Manager : มีการช่วยดูแลและจดจำพาสเวิร์ดของผู้ใช้

  7. Parental Control : ฟังก์ชั่นที่ให้พ่อแม่ใช้สำหรับควบคุม Device ของเด็กๆ

  8. EDR / XDR (Business) : ในระดับ Enterprise Bitdefender ใช้ Threat Hunting, Incident Response และ Telemetry เพื่อดึงข้อมูลเชิงพฤติกรรมและมาประมวลผลแบบ XDR (Extended Detection & Response)

Bitdefender มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร

ถึงแม้ว่า Bitdefender จะเป็นโซลูชั่นด้าน Endpoint Security ที่มีประสิทธิภาพสูงและได้รับควมนิยมแต่ก็เหมือนกับทุกๆเครื่องมือที่มีข้อดีก็อาจจะมีข้อเสียบ้าง

ข้อดี

ข้อเสีย

Detection Rate สูง จากการทดสอบของ AV-TEST / AV-Comparatives

ในระดับ Enterprise ต้องมีคนดูแลจริงจัง ไม่ใช่กับติดตั้งแล้วจบ

ทำงานเบาเครื่องกว่า vendor อื่นๆ จึงเหมาะกับผู้ใช้ที่ไม่อยากเสีย Performance ระหว่างใช้งาน

บางเมนูต้องคลิกหลายชั้นกว่าจะถึงฟีเจอร์ที่ต้องการ

หน้า UI เข้าใจง่าย

VPN ที่มากับระดับ Consumer มีลิมิตในการใช้งาน

มี tier ให้เลือกหลายระดับตั้งแต่บ้าน SME ไปจนถึง Enterprise

หากองค์กรมีโครงสร้างระบบที่ซับซ้อนอาจต้องเสริมเครื่องมืออื่นเพื่อช่วยด้าน Visibility / Posture

Bitdefender vs Vulnerability Manager Plus

เวลาพูดถึง Bitdefendertotal security หลายคนจะมองว่าเป็น “Cybersecurity Tool” เหมือนกันกับ SIEM / VM / Risk Platform แต่จริงๆแล้วโฟกัสไปที่คนละส่วนเลย โดยถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายจะขออธิบายเปรียบเทียบสินค้าของ Mangeengine อย่าง Vulnerability Manager Plus (VMP) และ Log360

Vulnerability Manager Plus (VMP) คือ โซลูชั่นที่ช่วยจัดการช่องโหว่ด้านความปลอดภัยขององค์กรของ Manageengine ที่ช่วยมองเห็นช่องโหว่ก่อนโดน Expliot โดย VMP จะช่วยวิเคราะห์และจัดลำดับความเสี่ยงว่าอันไหน วิกฤตต้องจดการก่อนหรือ ปล่อยทิ้งไว้ได้ และยังมีวิธีการแก้ไขกับช่องโหว่เหล่านั้นำไม่ว่าจะเป็น Deploy Patch หรือ Enforce Hardening ซึ่งช่วยให้ทีม Security ทำงานได้เร็วขึ้น

หากสนใจ Vulnerability Manager Plus (VMP) สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.manageengine.com/vulnerability-management/

ในทางกลับกัน Log360 คือ SIEM Platform ของ Manageengine ที่ทำหน้าที่เก็บ Log จาก Server, Endpoint, Firewall และ Cloud เพื่อสังเกตุพฤติกรรมปกติแบบ Real Time ให้แก่ทีมความปลอดภัยเพื่อให้รู้ว่าตอนนี้องค์กรกำลังทำอะไรอยู่ก่อนที่จะเกิดปัญหา

เมื่อเปรียบเทียบแล้วทำให้เห็นว่า Bitdefendertotal Security แข็งแรงมาด้าน Endpoint Protection เพราะ Bitdefender มีฟังก์ชั่นอย่างการตรวจจับและสกัดกั้น มัลแวร์, แรนซอมแวร์ และ การขโมยข้อมูลส่วนตัว ได้แบบ Realtime แต่การดูแลที่ปลายทางอย่างเดียวยังไม่เพียงพอเพราะ หากยังมีช่องโหว่อยู่ Attacker ก็ยังสามารถ Exploit เข้ามาได้อยู่ดี แต่ในขณะเดียวกัย VMP และ Log360 สามารถกำจัดและจัดการช่อง

โหว่พร้อมทั้ง Monitor ความผิดปกติแบบ Real Time ดังนั้นในทางที่ดีจึงควรมีการปกป้องทั้ง Endpoint และ เห็นความเสี่ยงแบบ Org-wide ก่อนถูกโจมตี

บทสรุป

Bitdefender คือโซลูชันด้าน Endpoint Protection/Antivirus ที่แข็งแรงและเป็นที่รู้จักในตลาด แต่จุดเด่นของมันยังคงอยู่ในมุมของการ ตรวจจับและป้องกันมัลแวร์ เป็นหลัก ไม่ได้ครอบคลุมงานด้าน Vulnerability Assessment, Patch Intelligence, Security Hardening หรือการมองเห็นความเสี่ยงแบบรอบด้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่องค์กรยุคใหม่ต้องมี

ในทางกลับกัน Vulnerability Manager Plus โดดเด่นกว่าอย่างชัดเจนในทุกมิติที่องค์กรต้องการเพื่อปิดช่องโหว่อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ตรวจจับภัยคุกคามปลายทาง:

  • มองเห็นช่องโหว้ทั่วทั้งองค์กร (Attack Surface Visibility) ครอบคลุมเซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์เครือข่าย แอปพลิเคชัน และซอฟต์แวร์ที่เสี่ยง

  • Priority-based Remediation ให้คะแนนความเสี่ยงเชิงลึกและแนะนำวิธีแก้ไขที่เหมาะสมที่สุด

  • Build-in Patch Management แก้ไขช่องโหว่โดยอัตโนมัติ ไม่ใช่แค่ตรวจพบ

  • Zero-day & Exploit-based Intelligence วิเคราะห์ตามภัยคุกคามจริงในโลกไซเบอร์

  • Security Configurations Audit ตรวจสอบการตั้งค่าอุปกรณ์และระบบสำคัญตาม CIS Benchmarks

  • Web Server & High-risk Software Audit ปกป้องระบบภายในและเว็บแอปพลิเคชัน

  • End-to-end IT Risk Management ในแพลตฟอร์มเดียว

กล่าวคือ Bitdefender = ป้องกันมัลแวร์ระดับ Endpoint
แต่ VMP = ปิดช่องโหว่องค์กรทั้งระบบตั้งแต่ต้นเหตุถึงการแก้ไข

นี่คือเหตุผลที่องค์กรจำนวนมากปรับมาใช้ Vulnerability Manager Plus เพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยแบบ “รอบด้าน” แทนการพึ่งพาซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสเพียงอย่างเดียว เพราะทุกช่องโหว่ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ล้วนเป็นจุดเริ่มต้นของอาชญากรรมไซเบอร์ได้เสมอ